5 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ น่ารู้
ในบทความนี้ผมจะขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับดัชนีตลาดทุนของสหรัฐฯ อเมริกามาเล่าให้ทุกท่านฟัง โดยก่อนอื่นเลยผมขอเริ่มที่หนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่มีอายุยาวนานที่สุดในโลก นั่นก็คือดัชนีดาวน์โจนส์ (DJIA: Dow Jones Industrial Average)
ดัชนีดาวน์โจนส์ (DJIA หรือ บางที่เรียกสั้นๆ ว่า DJI) โดยดัชนีนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1896 นับว่ามีอายุกว่า 127 ปี เป็นรองเพียงดัชนี DJTA (Dow Jones Transportation Average) แม้ว่าในทุกวันนี้ดัชนีดาวน์โจนส์จะไม่ได้เป็นตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทางตรงเท่าไหร่นัก เนื่องจากมีจำนวนหุ้นในดัชนีเพียง 30 บริษัทและมีหลักการคำนวณในรูปแบบ Price-weighted index หรือการคำนวณดัชนีด้วยการให้น้ำหนักความสำคัญกับราคาหุ้นในดัชนีมากกว่ามูลค่าบริษัท (Market Capitalization) แต่อย่างไรก็ตามดัชนีดาวน์โจนส์นั้นยังถือว่าเป็นดัชนีที่นิยมแพร่หลาย โดยนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนส่วนมากใช้ดัชนีเพื่อดูมุมมองและทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทที่อยู่ในดัชนี Dow Jones โดยมากแล้วจะมีจำนวนการจ้างงานและการผลิตสินค้าในระดับสูง ซึ่งตัวอย่างของหุ้นที่อยู่ในดัชนีนี้ที่พวกเราพอจะคุ้นหู เช่น Apple, Coca Cola, McDonald, Microsoft และ Nike เป็นต้น
ดัชนีที่สองได้แก่ดัชนี S&P500 เกิดขึ้นเมื่อ 4 มีนาคม ค.ศ.1957 นับเป็นดัชนีที่สำคัญที่สุดสำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในห้วงเวลาปัจจุบันก็ว่าได้เนื่องจากเป็นการรวม 500 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เข้ามาอยู่ในดัชนีเดียวกันพร้อมทั้งยังมีกฏเกณฑ์การคำนวณดัชนีที่ค่อนข้างทันสมัยเมื่อเทียบกับดัชนีดาวนน์โจนส์ โดยใช้วิธีการคำนวณแบบ market capitalization-weighted index หรืออธิบายอย่างง่ายว่าบริษัทใดที่มีมูลค่าตลาดตามราคาหลักทรัพย์สูงกว่าก็จะมีน้ำหนักสัดส่วนในดัชนี S&P500 มากกว่านั้นเอง ส่งผลให้ดัชนี S&P500 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 70-80% ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ดัชนี Nasdaq ถือเป็นดัชนีน้องใหม่เมื่อเทียบกับดัชนีคุณปู่ Dow Jones และดัชนีรุ่นพี่ S&P500 เนื่องจากเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1971 โดยดัชนี Nasdaq นั้นนักลงทุนมักใช้เป็นดัชนีชี้นำของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและเติบโต เนื่องด้วยตลาดหุ้น Nasdaq ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของหุ้นบริษัทขนาดเล็กที่คาดหวังการเติบโตแต่อาจจะมีทรัพย์สินไม่เข้าเกณฑ์ตลาดหุ้นหลักของสหรัฐฯ อย่าง NYSE (New York Stock Exchange) และช่วงหลายทศวรรษหลังนี้หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวที่เคยจดทะเบียนในตลาด Nasdaq นั้นได้เติบโตอย่างรวดเร็วทำให้มูลค่าบริษัทจากเดิมที่เป็นหุ้นเทคโนโลยีเติบโตสูงกลายมาเป็นหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่างเช่น หุ้น Apple (IPO เมื่อ 1980), Microsoft (IPO เมื่อ 1986), Google (IPO เมื่อ 2004) และ Facebook (IPO เมื่อ 2012) เป็นต้น
หากนักลงทุนที่มีวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อมุ่งเน้นหาหุ้นเติบโตสูงยังไม่จุใจกับดัชนี Nasdaq แล้วนั้น อีกหนึ่งดัชนีที่เน้นหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ อย่างดัชนี Russell 2000 ก็น่าสนใจไม่น้อย โดยดัชนี Russell 2000 จะเป็นการรวมมูลค่าหลักทรัพย์ของหุ้นขนาดเล็ก 2,000 หุ้นที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ โดยมูลค่าหลักทรัพย์เฉลี่ยของหุ้นใน Russell 2000 นั้นอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และที่ขาดไม่ได้คือดัชนีการลงทุนทางเลือกในสหรัฐฯ คงหนีไม่พ้นกลุ่ม REITs หรือมีชื่อเรียกว่า Nareit U.S. (National Association of Real Estate Investment Trusts) ดัชนีดังกล่าวเป็นดัชนีชี้วัดกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นสร้างกระแสเงินสดให้กับนักลงทุน ตัวอย่างเช่นบริษัท American Tower Corp, Prologis และ Crown Castle International Corp
วันนี้ขอฝาก 5 ดัชนีน่ารู้ของสหัรฐฯ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ไว้โอกาสหน้าจะเขียนบทความมาฝากเพื่อนๆ พี่น้องทุกท่านอีกครั้ง
โดย คุณธนทัต มัตยะสุวรรณ
ฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์การลงทุน
References