XAM Daily / 21 Nov 2023




ภาพรวมตลาด

  • US บวกต่อเนื่องนับตั้งแต่ 30 ต.ค. 23

แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดว่าวันนี้มีแรงเทขายทำกำไรในบางตลาด โดยหุ้นออสเตรเลีย และจีนเปิดบวก (+) ในขณะที่หุ้นญี่ปุ่นที่ Outperformed มาแรงช่วงก่อนหน้านี้ เผชิญแรงเทขาย (-) Futures สหรัฐเป็นบวก ณ เวลา 9.00 (+) XSpring AM มองว่าจะมี Fund-Inflow เข้า EM มากขึ้นหลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาดและ US 10Y Yield อยู่ในเรนจ์ 4.3-4.4% (+) หุ้นไทยยัง Underperformed มองกองทุนหุ้น Alpha Fund และหุ้นปันผลที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า (มี Margin of Safety) ถึงน่าสนใจ (+) 
  • แนะนำ Go With The Flow โค้งสุดท้ายหุ้น Mid/Small Growth สหรัฐ ซึ่งขึ้นมาช้ากว่าในช่วงที่ผ่านมา มองว่ากองทุนหลัก SCBUSAA ไม่น่าจะย่อต่ำกว่า 99-100$ ก่อนลุ้นปรับตัวขึ้นต่อได้อีก แนะนำใช้ IWO ETF (Russell Growth 2000 ETF) เป็น Proxy (+) 
  • XSpring AM แนะนำนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Private Credits สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล จะให้ Risk/Reward ที่ดีกว่า (+

Daily Focus

  • US 10Y Yield อยู่ที่ 4.406% เฟดแอตแลนตาเผยคาดการณ์ GDPNow คาด GDP Q4 2023 โต 2% ด้าน Conference Board ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐในเดือน ต.ค. เทียบรายเดือน -0.8% (ก.ย. -0.7%) ด้านยีลด์พันธบัตรสหรัฐที่อ่อนตัวลงสามสัปดาห์มานี้ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอลงแต่ยังแข็งแกร่งถือเป็นจุดที่สวยงามสำหรับหุ้นในระยะสั้น (Goldilocks) (+) ด้านปัจจัยบวกเฉพาะตัวต่อหุ้น Microsoft หลังคุณ Sam Altman  ผู้ปลุกปั้น OpenAI ลุ้นกลับตำแหน่งสำคัญดันหุ้นปรับขึ้นต่อเนื่อง (+) ด้านหุ้น Giants-Cap Cyclical อย่างผู้ผลิตเครื่องบิน Boeing หุ้นขึ้นหลังคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง (+) โดยรวมดัชนีหุ้นเทคใหญ่อย่าง Nasdaq ราคากลับไป High วันที่ 31 ก.ค. 23 ตามมาด้วย S&P 500 และ Dow Jones ที่ราคาเริ่มกลับมาเท่าช่วงต้น ส.ค. 23 ในขณะที่ IWO ETF (Russell 2000 Growth ETF) เมื่อคืนปิดที่ 225$ โดยราคาวันที่ 31 ก.ค. 23 ปิดที่ 253$ หากไม่มี Catalyst เชิงลบเข้ามากดดัน อาจจะมีอ่อนตัวเล็กน้อยก่อนปรับตัวขึ้นไป แต่ทั้งนี้มองว่าปัจจัยที่จะสนับสนุนให้ Small-Cap Growth มี Upside ระดับดังกล่าว US 10Y Yield ต้องอ่อนตัวลงมาใกล้ระดับ 4% แต่ในรอบ 1-2 สัปดาห์หน้ามองว่าน่าจะอ่อนอย่างมากที่ 4.3% รวมถึงต้องยังไม่มีความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สำคัญ และแรงกดดันสงคราม ) 
  • หุ้นยุโรปบวกอ่อน มีปัจจัยลบเฉพาะตัวมากดดันให้บวกน้อยกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลังจากบริษัทยา Bayer ยกเลิกการทดลองขั้นสุดท้ายของยาตัวใหม่ที่จะใช้ในการต้านการแข็งตัวของหลอดเลือด รวมถึงโดนค่าปรับ กดดันหุ้นลบแรง (-) หุ้นยุโรปยังปรับขึ้นมาช้ากว่าหุ้นสหรัฐและญี่ปุ่น XSpring AM มองว่าหุ้นยุโรปจะดูดีในระยะถัดไป (ปี 2024) (+)
  • คะแนนนิยมคุณฟูมิโอะ คิชิดะ นายกญี่ปุ่นลดลงต่ำกว่าระดับ 30 ซึ่งไม่ดีกับเสถียรภาพในตำแหน่ง ซึ่งมีความเป็นไปได้บางส่วนที่พรรคเสรีประชาธิปไตย (LPD) อาจจะเปลี่ยนผู้นำในเดือน ก.ย. 2024 อย่างไรก็ตามนายกญี่ปุ่นจะเร่งผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรวมถึงมีแพลนเดินทางไปพบ ปธน. โจ ไบเดนในต้นปี 2024 ) หุ้นญี่ปุ่นจะน่าสนใจวันที่ปรับตัวย่อลงมา เพราะราคาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะหลังตลาด Risk-On รอบที่ผ่านมา (+) 
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.45% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีไว้ที่ระดับ 4.20% เมื่อวานนี้ (20 พ.ย. 23) พร้อมกับอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบจำนวน 1.45 ล้านล้านหยวน (+) หลังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนที่ระดับ 2.5% เมื่อวันพุธที่ 15 พ.ย. 23 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ (+)
  • สภาพัฒน์ คาด GDP ไทยปี 2024 โต 3.2% ไม่รวมผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ  โดยสภาพัฒน์มองว่าเศรษฐกิจไทยมีความจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นภาคใหญ่ที่มีผลต่อการเติบโตของประเทศ และจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาโตได้มากกว่า 3% ส่วน GDP ไทยปี 2023 คาดว่าจะโตได้ 2.5% สภาพัฒน์มองว่าโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ต่อ (+) ซึ่ง GDP Q3 2023 ที่ออกมาผิดหวังที่ 1.5% องค์ประกอบการใช้จ่ายด้านการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูง (+) การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง (+) ในขณะที่การส่งออกสินค้า การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (-) รวมถึงการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง (-) การสนับสนุนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังขยายตัวดี และการสร้างตลาดใหม่ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ควบคู่ไปกับการเจรจาการค้าเสรีจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ไปต่อได้ (+) 

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF <10.3$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF <40$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF <490$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter