Things you need to know
- 1. “หุ้นใหญ่สหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น ส่วนหุ้นเล็กทำจุดสูงสุดใหม่” เมื่อคืนนี้ดัชนี S&P 500 ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 5,842.47 จุด เพิ่มขึ้น +0.47% ด้านดัชนี Russell 2000 ที่รวมหุ้นเล็กของสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี อยู่ที่ 2,286.68 จุด เพิ่มขึ้น +1.64% ในคืนเดียว สาเหตุสำคัญมาจากข่าวการประกาศงบของ Morgan Stanley ที่ดีกว่าคาด โดยกำไรเพิ่มขึ้นถึง 32% ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5% และความคาดหวังของตลาดที่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง ทำให้ตลาดกลับมาให้ความสนใจกับหุ้นเล็กของสหรัฐฯ อีกครั้ง
- 2. “J.P. Morgan มองหุ้นไทยขึ้นมามาก แต่ยังมีความไม่แน่นอน” เมื่อคืนนี้ J.P. Morgan ออกเปเปอร์เกี่ยวกับหุ้นไทย โดยระบุว่าแม้หุ้นไทยจะขึ้นมามาก แต่ปัจจัยความไม่แน่นอนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ น้ำท่วมภาคเหนือ และการประกาศงบไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานที่ยังโดนกดดันจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวและค่าการกลั่นน้ำมันดิบที่ยังอ่อนแออยู่ จะเป็นบททดสอบสำหรับหุ้นไทยในภาพรวม โดยคงน้ำหนักการลงทุนเป็นกลาง (Neutral) เมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในอาเซียน
- 3. “ตราสารหนี้ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ฉุดผลตอบแทนของกลุ่มตราสารหนี้ทั้งหมด” โดยผลตอบแทนสุทธิ (Total Return) ของตราสารหนี้ (เช่น หุ้นกู้) ของผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Stellantis NV, Volkswagen AG, Mercedes Benz ตกต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 สาเหตุสำคัญมาจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงอย่างมากในจีน ต้นทุนทางการเงินและวัตถุดิบที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ และการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าที่รุนแรง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มนี้ย่ำแย่ ส่งผลทำให้นักลงทุนเทขายตราสารหนี้ของบริษัทเหล่านี้ออกมา ทำให้ฉุดดัชนีตราสารหนี้โดยรวม
- 4. “นักลงทุนรายย่อยจีนเริ่มขนเงินกลับเข้าบัญชีธนาคารอีกครั้ง หลังหุ้นตกลงต่อเนื่อง” ICBC ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของจีนระบุว่า พบการย้ายเงินจากบัญชีซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์ กลับเข้าไปยังบัญชีเงินฝากอีกครั้งหนึ่ง หลังจากดัชนี CSI 300 ทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 สาเหตุสำคัญมาจากความคาดหวังของตลาดในช่วงแรกที่คาดว่ารัฐบาลจีนจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ปรากฎว่ามาตรการในระยะต่อมากลับไม่มีการกระตุ้นที่เพียงพอ ทำให้ตลาดผิดหวังและเทขายหุ้นจีนออกมา
- 5. “คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 2.25%” เมื่อวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงเหลือ 2.25% โดยมีผลทันที ด้วยมติเสียงส่วนใหญ่ 5 ต่อ 2 โดยลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากปัจจัยการเติบโตของสินเชื่อธนาคารโตช้า และคุณภาพสินเชื่อที่ตกต่ำ ทั้งนี้ตลาดไม่ได้คาดเรื่องการลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.36% ไปอยู่ที่ 1,485.01 จุด
|
|