Things you need to know
- 1. “Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลอีกครั้ง แตะระดับ 8.8 หมื่นดอลลาร์” ดูเหมือนว่าจะแรงไม่หยุดสำหรับ Bitcoin ที่ยังได้รังแรงส่งจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ล่าสุดปรับตัวขึ้นอีก 10% เมื่อคืนนี้ แตะระดับ 88,204 ดอลลาร์ ทำให้บรรดาสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ด้านหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องอย่าง MicroStrategy ปรับตัวขึ้น 26%, Coinbase ปรับตัวขึ้น 20% เป็นต้น ทั้งนี้ข้อมูลจาก Deribit ตลาดซื้อขายตราสารอนุพันธ์สินทรัพย์ดิจิทัล ระบุว่าตลาดตอนนี้ประเมินว่าเป้าหมายถัดไปของ Bitcoin อยู่ที่ 1 แสนดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
- 2. “ตัวเลขการขยายตัวของสินเชื่อในจีนลดต่ำลงอีก” เมื่อวานนี้มีการประกาศตัวเลขสินเชื่อรวมของประเทศจีน (aggregate financing) เพิ่มขึ้นที่ 1.4 ล้านล้านหยวน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไป 1 แสนล้านหยวน และน้อยลงจากปีที่แล้ว 4 แสนล้านหยวน บ่งบอกถึงการเจริญเติบโตด้านสินเชื่อที่ช้าลงมากของจีน โดยรัฐบาลจีนยังคงเป็นผู้กู้รายใหญ่ที่สุดผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาลที่ไตรมาสเดียวกินไปถึง 1 ล้านล้านหยวน
- 3. “นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นรับปาก จะสนับสนุนธุรกิจผลิตชิปในประเทศอย่างเต็มที่” โดยระบุว่าพร้อมตั้งโครงการสนับสนุนทางการเงินวงเงินรวม 10 ล้านล้านเยน (ราว 6.51 หมื่นล้านดอลลาร์) นาน 10 ปี สำหรับอุตสาหกรรมผลิตชิปและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นชิเงรุ อิชิบะ บอกว่าเขาคาดหวังว่าอุตสาหกรรมทั้งสองจะเป็นตัวกระตุ้นการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนของญี่ปุ่นในอนาคต ทั้งนี้รัฐบาลญี่ปุ่นเคยให้เงินสนับสนุนไปแล้วสำหรับอุตสาหกรรมนี้ราว 4 ล้านล้านเยน
- 4. “Goldman Sachs กังวลว่าหุ้นสหรัฐฯ อาจขึ้นต่อได้ไม่มาก จากมาตราการกีดกันทางการค้า” มุมมองดังกล่าวมาจากเปเปอร์ที่ออกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าหลังจากการเลือกตั้งที่ทำให้ดัชนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 6,000 จุด ตลาดจะเปลี่ยนความสนใจไปยังกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนแทน ทั้งนี้ GS คาดว่ากำไรเฉลี่ยของบริษัทในดัชนี S&P 500 ปีหน้าและปีถัดไปจะเติบโตที่ 11% และ 7% ตามลำดับ และสิ่งที่น่ากังวลคือมาตราการกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะกำแพงภาษี ที่จะไปลดกำไรของบริษัทต่างๆ ลง โดยทุกๆ 5 จุดเปอร์เซ็นต์ของการขึ้นกำแพงภาษี จะลดกำไรของบริษัทใน S&P 500 โดยเฉลี่ยลงราว 1-2%
- 5. “ทองคำลดลงหลังจากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดีแล้วราว 4%” โดยราคาทองคำในตลาดโลกปัจจุบันอยู่ที่ 2,623.49 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ ยังอยู่ในระดับคงที่หลังจากปรับตัวลดลงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ราว 4% จากการที่กองทุนบริหารความเสี่ยงลดสถานะการถือครองในทองคำลง รวมไปถึงการเปลี่ยนไปถือหุ้นสหรัฐฯ ของนักลงทุนต่างๆ ทั้งนี้หากนับตั้งแต่ต้นปี ทองคำยังขึ้นมาสูงถึงราว 25% ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองทั่วโลกที่ยังไม่นิ่ง การซื้อทองคำที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง และการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
|
|