XAM Daily 17 Oct 2023


ภาพรวมตลาด

US Sideway-Up (Positive Earnings Momentum)

แนวโน้มตลาดวันนี้

  •  แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดวันนี้แกว่งตัวบวก โดยดัชนี NIKKEI 225 เปิดบวกกว่า 1.4%  (8.49 เวลาไทย) เห็นสัญญาณการฟื้นตัวตาม US Sentiment หลังรับรู้ปัจจัยเงินเฟ้อสหรัฐไปแล้วในสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงยังไม่มีปัจจัยใหม่ด้านสงคราม ในขณะที่ US Earnings Momentum ยังดี (+)
  •  มองหุ้นไทยน่าสนใจมาก โดยเฉพาะ Domestic Play หากนักลงทุน Conservative มองกลุ่มโรงพยาบาลน่าสนใจ Risk/Reward คุ้มค่าน่าลงทุนในระยะกลาง (+)
  • ฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐลบอ่อนๆ (ตอน 8.49 ตามเวลาไทย) ในแง่พื้นฐาน XSpring AM มองเห็นโมเมนตั้มเชิงบวกจากการประกาศงบ Q3 2023 โดยเมื่อคืนนี้ Charles Schwab บวกแรง หลังจากวันศุกร์งบ CITI, Well Fargo, JP Morgan และ Blackrock ออกมาดีกว่าคาดมาก คาดสัปดาห์นี้งบ GS, Morgan Stanley น่าจะออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง สนับสนุนหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นที่เกี่ยวกับวัฏจักรเศรษฐกิจ (+) คาด Netflix ผลประกอบการน่าจะออกมาดี (+) รวมถึงหุ้น Semiconductor ทั้ง ASML, LAM และ TSMC คาดว่ากำไรดีกว่าคาด (+) ส่วน Tesla คาดว่ารายได้โตกว่าคาด แต่ต้องดูว่าตลาดจะตอบรับอย่างไรเนื่องจากคาดว่าการลดราคารถยนต์จะกดดันอัตรากำไรสุทธิ (-)

Daily Focus

  • ดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ (Empire State Index) หดตัวน้อยกว่าคาดที่ -4.6% (Exp. -7%) โมเมนตั้มเศรษฐกิจยัง Positive Surprise (+) ซึ่งยังสนับสนุนโมเมนตั้มผลประกอบการหลังจากที่กว่า 8% ของบริษัทใน S&P 500 รายได้และกำไรสุทธิต่อหุ้นดีกว่าคาด ซึ่ง Earnings Momentum หุ้นสหรัฐดูดีกว่าภูมิภาคอื่นชัดเจน เนื่องจากมีองค์ประกอบของหุ้นที่มี Moat ทางธุรกิจ (ความได้เปรียบในการแข่งขัน) , โดนผลกระทบทางตรงจากต้นทุนจำกัดกว่า, มีเงินสดเยอะหนี้น้อย (Large-Cap Quality Growth Stock) (+)
  • ดัชนีเงินเฟ้อผู้ค่าส่งเยอรมันและดัชนีเงินเฟ้ออิตาลีออกมาต่ำกว่าคาดลดแรงกดดันเงินเฟ้อในยุโรปลง (+) ด้านหุ้นแบงค์ยุโรปและหุ้น Cyclicals บวก Outperformed ตลาดตาม US Earnings Momentum (+)
  • ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมญี่ปุ่นหดตัว -0.7% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน (Exp. 0%) ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หุ้น Nikkei 225 ปรับตัวลงแรงเมื่อวานนี้ นอกจากนี้ยังมีประเด็น US Chip-Act 2.0 ที่คาดว่าจะออกมาเร็วๆนี้ และกดดันหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Semiconductor Supply-Chain ซึ่งหลายบริษัทในญี่ปุ่นโดนแรงกดดันจากเรื่องดังกล่าว (-) 
  • หุ้นจีนปิดลบเมื่อวาน จากแรงกดดันความคาดหวัง Chip-Act 2.0 และก่อนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันพุธ (-) โดยคาดว่ากฏดังกล่าวจะออกมาปิดช่องโหว่ของ Chips and Science Act 1.0 เพื่อจำกัดขีดความสามารถของจีนในการเข้าถึงชิประดับสูงซึ่งจีนอาจใช้ในการผลิตอาวุธไฮเทค ทางการสหรัฐกังวลว่า จีนกำลังใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ไฮเทคมากเพื่อออกแบบอาวุธ, การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์, ระบบไฮเปอร์โซนิก, ระบบขีปนาวุธ และอาจนำไปใช้วิเคราะห์ผลการสู้รบ (-)
  • จีนกำลังทดสอบทางด่วนที่ถูกออกแบบมาสำหรับยานพาหนะขับขี่อัตโนมัติระดับสูง (ระดับ 4) ซึ่งถูกติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์ 270 ชุด อาทิ เรดาร์เลเซอร์ เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร กล้องถ่ายภาพ และเสาสัญญาณ ใน 55 จุดตามแนวทางด่วน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมถนนที่รับรองการขับขี่อัตโนมัติ ทำให้ในภาพใหญ่ยังเชื่อว่าจีนจะเป็นผู้นำด้านการสร้างเมืองเพื่อให้รองรับการขับขี่อัตโนมัติ (+) รวมถึงการที่จีนมีความได้เปรียบด้วยการเข้าถึงฐานข้อมูลปริมาณมหาศาล ทำให้สะสมพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคได้มาก (+) ซึ่งจีนมีระดับความหวงข้อมูลความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าฝั่งตะวันตก ตอกย้ำว่าระยะยาวจีนก็ยังมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงมากในหลายอุตสาหกรรม (+) แม้นักลงทุนต่างชาติจะเสียความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนจีนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปีกว่าๆที่ผ่านมา แต่หากเลือกการลงทุนหุ้นที่เป็น Strategic Industry ที่สอดคล้องไปกับแนวนโยบายของทางการจีนก็เชื่อว่ายังมีโอกาส (+) 
  • Bloomberg Economist มองว่าหากสงคราม อิสราเอล-ปาเลสไตน์ถูกยกระดับความรุนแรงโดยมีอิหร่านเข้าร่วมด้วยจะกดดันให้ราคาน้ำมันมีโอกาสพุ่งทะลุ 100$ (-) รวมถึงมีแรงกดดันหลังสหรัฐบังคับใช้มาตรการชาร์จค่าขนส่งที่เรือขนน้ำมันรัสเซียเพื่อปิดช่องโหว่เดิมซึ่งจะกดดัน Supply น้ำมันเพิ่มเติม (-) XSpring AM คาดว่าจะกลับมากดดันเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิตและเงินเฟ้อรวมอาหารและพลังงาน และอาจกลับมากระทบเงินเฟ้อ Core CPI ในระยะถัดไปในที่สุด (-) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่โดยเฉพาะประเทศอินเดียและอินโดนีเซียที่โดนผลกระทบทางตรงสูงกว่าหลายประเทศในแง่การค้า (-) รวมถึงผลจากเงินเฟ้อฝั่งการนำเข้าน้ำมันสำหรับอินเดีย ส่วนประเทศอื่นๆคาดว่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวมากกว่าคาด (Economics Negative Surprise) ในขณะที่เงินเฟ้อสูงกว่าคาด (Stagflation Scenario) (-) 
  • หุ้นไทยคาดว่าวันนี้มีโอกาส Technical Rebound (+) หลังราคาปรับตัวลงแรงตอบรับสามปัจจัยลบทั้งแรงกดดัน Chip-Act ทำให้หุ้น Delta กดดันตลาดลง (-) รวมถึง Fund-Outflow จากความน่าสนใจโดยเปรียบเทียบของ SET Index ที่น้อยกว่าภูมิภาค (-) และประเด็นก่อนประกาศตัวเลขสำคัญเศรษฐกิจจีน (-)

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter