XAM Daily / 9 Nov 2023


ภาพรวมตลาด

S&P 500 Rebound 8 คืนติดกัน (แต่โมเมนตัมการบวกเริ่มอ่อนแอ)

แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดว่าวันนี้อยู่ในแดนบวกโดยตลาดหุ้นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน (CSI 300 และ HSCEI) เปิดบวก มีเพียง Hang Seng Index เปิดลบอ่อนๆ (-)
  • คาดคืนนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐมีโอกาสปิดทรงตัว ฟิวเจอรส์ S&P 500 และ Nasdaq ลบ แต่ฟิวเจอรส์ Dow Jones และ Russell 2000 บวก (8.50 เวลาไทย) คาดเป็นแรงเทขายทำกำไรหลังตลาดปรับตัวบวกมากว่า 8-9 วันทำการ (-) แนะนำนักลงทุนทยอยลด Positions ในสัปดาห์นี้
  • XSpring AM แนะนำนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Private Credits สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล (+) จะให้ Risk/Reward ที่ดีกว่า และไม่ต้องกังวล Tail-Risk ระหว่างที่ลงทุน )

Daily Focus

  • การปรับตัวขึ้นของหุ้นสหรัฐในรอบนี้ 5 วันแรกอาจจะดูดี เพราะหุ้นขึ้นทั้งตลาด แต่สามวันมานี้หุ้นเล็กยังปิดลบทำให้ Stock Price Strength ยังไม่แข็งแรง (-) Dow Jones เริ่มปิดลบอ่อนเมื่อคืนนี้ ส่วน S&P 500 และ Nasdaq เหลือบวกอ่อนๆ โดย S&P 500 บวกมา 8 คืนติดกัน ส่วน Nasdaq บวกมา 9 คืนติดกัน นักลงทุนต้องแบ่งลดสัดส่วนเพื่อบริหารความเสี่ยงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถึงสองสัปดาห์หน้า ) US 10Y Yield อ่อนตัวลงมาที่ 4.492% ซึ่งเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนตลาด Risk-On (+) ด้านยอดสินค้าคงเหลือของค้าส่งสหรัฐในเดือน ก.ย. ออกมามากกว่าคาดที่ 0.2% (Exp. 0%) สะท้อนสต๊อกคงเหลือที่เพิ่มขึ้น จากดีมานด์ต่อสินค้าของผู้ค้าปลีกที่เริ่มลดลง (-) หุ้น Eli Lilly ปรับขึ้นหลัง อ.ย. สหรัฐอนุมัติการใช้ยาลดความอ้วนของบริษัท (+) ด้านหุ้น Disney กำไรดีกว่าคาดหลังตลาดปิด โดยราคา After Hours +3.3% (+) ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงสู่ระดับ 75$ หลังสต๊อกน้ำมันดิบ API สหรัฐสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดมาก รวมถึง EIA ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันปีหน้าลงมาที่ 89$ ส่วนการส่งออกจีนที่ต่ำคาดเมื่อวานนี้ก็ทำให้ตลาดคาดหวังดีมานด์น้ำมันลดลงไปอีก (-) 
  • ยอดค้าปลีกยุโรปในเดือน ก.ย. เทียบรายเดือนหดตัวกว่าคาดที่ -0.3% (Exp. -0.2%) เทียบรายปี -2.9% (Exp. -3.2%) หุ้นยุโรปบวกแกร่งสวนตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนหลังหุ้นที่ประกาศงบเมื่อคืนกำไรดีกว่าคาด (+) 
  • ดัชนีบ่งชี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเล็กน้อยในเดือน ก.ย. มาที่ 114.7 จาก 114.6 ในเดือนก่อน ด้านดัชนีชี้นำเศรษฐกิจในเดือน ก.ย. อ่อนตัวลงมาที่ 108.7 จาก 109.2 ในเดือนก่อน ) ด้านผลสำรวจรอยเตอร์ทังกันคาดว่าความเชื่อมั่นของผู้ผลิตอาจทรงตัวในอีก 3 เดือนข้างหน้า ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคบริการอาจลดลง ) ภาพรวมสะท้อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ไม่สม่ำเสมอ เริ่มเห็นทิศทางการชะลอตัวลงบางส่วน (-) แต่ในแง่ Earnings Momentum ยังดูดี (+) รวมถึงนโยบายการเงินยังผ่อนคลายมาก (+) และมีแนวโน้มกระตุ้นเศรษฐกิจ (นโยบายการคลัง) (+) 
  • ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค CPI จีนประกาศเช้านี้เทียบรายเดือนในเดือน ต.ค. หดตัว -0.1% (Exp. 0%) ตัวเลขเทียบรายปีหดตัวกว่าคาดที่ -0.2% (Exp. -0.1%) ด้านเงินเฟ้อฝั่งผู้ผลิต PPI หดตัวน้อยกว่าคาดเทียบรายปีที่ -2.6% (Exp. -2.7%) ภาพรวมเงินเฟ้อจีนยังหดตัว สะท้อนเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่ง (-) ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวว่าต้องการรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวนให้เคลื่อนไหวในกรอบแคบมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นลงของค่าเงินหยวน (+) ภาคส่วนที่แข็งแกร่งสุดของจีนคือธุรกิจรถยนต์ EV และการสนับสนุนพลังงานสะอาด โดยจีนเป็นตลาดรถยนต์ EV รายใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขายรถ EV ของจีนกิน Market Share กว่า 59% ของโลกในปี 2022 ที่ 5.9 ล้านคัน ด้านตลาดในประเทศจีนเอง แบรนด์จีนคิดเป็นสัดส่วน 81% ของตลาดรถยนต์ EV ในจีน (+) ธุรกิจที่เกี่ยวกับ Supply Chain EV car, พลังงานสะอาดจีน , Hard Tech & Foundery และวัสดุขั้นสูง ยังเป็น Key ของอุตสาหกรรมจีน (+) 
  • นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนไทย (IAA) คาดว่าจุดเปลี่ยนตลาดหุ้นไทยต้องรอดอกเบี้ยเฟดพีคและเม็ดเงินลงทุนเริ่มไหลกลับเข้า EM โดยเฉพาะ EM ที่ Underperformed อย่างหุ้นไทยและหุ้นจีน มูลค่าเหมาะสม (Fair Value) ของ SET Index ในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ประเมินด้วยวิธี Bottom-up Approach สูงกว่าระดับดัชนีในปัจจุบันราว 15% โดย SET Index อยู่ที่ 1,623 จุด ส่วน SET50 Index อยู่ที่ 1,005 จุด ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) คาดว่าเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ กำลังเคลื่อนย้ายเข้าสู่ประเทศไทย และเอเชียซึ่งคาดว่าจะเป็นศูนย์กลางของโลก โดยเฉพาะอาเซียน ที่มีเงินลงทุนโดยตรง (FDI) ไหลเข้ามาในภูมิภาค รวมถึงคาดว่าเฟดใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว (+)

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter