XAM Daily Xpresso / 22 October 2024

• “Goldman Sachs ระบุหุ้นสหรัฐฯ จะทำผลตอบแทนได้น้อยลงในอีก 10 ปีข้างหน้า – เลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกาเข้มข้น แข่งแย่งฐานเสียงโค้งสุดท้าย”

• 1. “Goldman Sachs ระบุ ดัชนี S&P 500 อาจให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียงปีละ 3% ในอีก 10 ปีข้างหน้า” สาเหตุสำคัญของมุมมองดังกล่าวมาจากการที่สินทรัพย์อื่น เช่น ตราสารหนี้ ทำผลตอบแทนได้ดีขึ้น ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นมีความจำเป็นที่ลดลง และมองว่ามีโอกาสสูงถึง 72% ที่ผลตอบแทนจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เจ้าอื่นยังเห็นต่าง โดยมองว่าค่าเฉลี่ยผลตอบแทนระยะยาวของดัชนีที่ 11% ยังคงมีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะจากกองทุนบำนาญต่างๆ ที่ยังต้องลงทุนในหุ้น
• 2. “หุ้นสหรัฐฯ เกิดแรงเทขายทำกำไร หลังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง” โดยดัชนี S&P 500 เมื่อคืนปรับตัวลดลง -0.18% ไปอยู่ที่ 5,853.98 จุด สาเหตุมาจากการขายทำกำไรหลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ด้านอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.11% (11 bps) มาอยู่ที่ 4.20% ซึ่งคาดการณ์จาก T.Rowe Price ระบุว่ามีโอกาสที่จะทดสอบ 5% ภายในอีก 6 เดือนข้างหน้า จากปัจจัยเงินเฟ้อที่ยังไม่ลดลง และการใช้งบประมาณขาดดุลที่ยังอยู่ในระดับสูง
• 3. “โค้งสุดท้ายเลือกตั้งอเมริกา ทรัมป์ระดมเงินได้ว่า 514.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ” ตัวเลขดังกล่าวมาจากการบริจาคของบุคคลหรือองค์กรที่บริจาคครั้งละมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป ทั้งนี้ทรัมป์พยายามเอาชนะแฮริสด้วยการหาเสียงในรัฐที่ไม่มีความแน่นอนในฐานเสียง (swing states) และพยายามชนะใจกลุ่มคนลงคะแนนเช่น กลุ่มคนผิวสี กลุ่มคนละตินอเมริกัน และกลุ่มคนชาวยิว ซึ่งเป็นกลุ่มคะแนนที่ปกติทรัมป์มักมองข้ามและใช้โจมตีเสมอ ทำให้ทรัมป์ไม่เป็นที่นิยมของคนกลุ่มนี้ ขณะที่แฮริสเองก็พยายามดึงคนกลุ่มนี้มาไว้กับตัวเองให้มากที่สุด เนื่องจากผลการสำรวจคะแนนนิยมปัจจุบันเธอนำทรัมป์อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
• 4. “Qualcomm เปิดตัวชิปใหม่ Snapdragon 8 Elite เร็วขึ้น 45%” ซึ่งชิปใหม่รุ่นนี้จะใช้โครงสร้างภายในแบบบางส่วนเหมือนชิปรุ่น Snapdragon X Elite ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์และทำประสิทธิภาพได้ดีมาก ซึ่งจะมาพร้อมกับชิปโมเด็มระบบรับส่งสัญญาณ 5G รุ่นล่าสุดของของบริษัท และเพิ่มความสามารถในการรองรับการประมวลผลด้าน AI เพิ่มด้วย
• 5. “นักลงทุนแห่ลงทุนใน ETF ที่ลงทุนในไต้หวันจากความนิยมในอุตสาหกรรมชิป แซงหน้าจีน” สำนักข่าว Bloomberg เผยสถิติการลงทุนใน ETF หรือกองทุนรวมที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างใส่เงินเข้าไปใน ETF ที่มีนโยบายการลงทุนในไต้หวันมากถึง 3.17 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากยอดทั้งหมดที่ 4.66 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุประการสำคัญคือความนิยมในอุตสาหกรรมชิป ทั้งนี้ในภาพรวมตลาดประเมินว่ากลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (EM: Emerging Markets) มีโอกาสที่ดีหลัง FED เริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก

• "การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะทำให้ตลาดผันผวน” แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด แต่ในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากนี้เป็นต้นไป การเลือกตั้งสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อตลาดทุน จากข้อมูลในอดีตพบว่าปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี หุ้นสหรัฐฯ จะทำผลงานได้ดี แม้จะมีความผันผวนในระยะสั้นก็ตาม ทั้งนี้หากการเลือกตั้งได้ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี อาจสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets) ซึ่งอาจตามมาด้วยผลลบในการลงทุนสำหรับตลาดเหล่านี้ได้
• “ปัจจัยที่ต้องติดตาม” การประชุม BRICS ที่จะเริ่มต้นในวันนี้ โดยมีรัสเซียเป็นเจ้าภาพ

XSpring AM