แนวโน้มตลาดวันนี้
- ตลาดปรับตัวลงตามเซ็นติเมนต์คืนวันพุธ มีแรงฉุดสำคัญหลังหุ้น APPLE -2.92% ต่อจากเมื่อคืนวันพุธที่ลบ -3% หลังทางการจีนห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone ขณะอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งหุ้นบริษัทที่เป็นชิ้นส่วนประกอบใน iPhone ล้วนปรับตัวลงจากปัจจัยเฉพาะตัวดังกล่าว โดย NVIDIA -1.74% , AMD -2.46% และ QUALCOMM -7.22% ดัชนีSemiconductor (SMH ETF) -2.22% มาที่ระดับ 151.33
- ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสหรัฐลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว น้อยกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 234,000 ราย ซึ่งนักลงทุนให้น้ำหนัก 45.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่1 พ.ย.2023
- หุ้น Luxury Brand ยุโรปปรับตัวลง โดย LVMH -1% แม้ยอดส่งออกจีนจะหดตัวน้อยกว่าคาดแต่ก็ยังอยู่ในทิศทางหดตัว
- GDP ญี่ปุ่นไตรมาส 2 ปี 2023 ขยายตัวที่ 4.8% ต่ำกว่าคาดที่ 5.5% หลังการใช้จ่ายภาคเอกชนต่ำกว่าคาด รวมถึงการบริโภคภารประชาชนซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของ GDP ยังออกมาน้อยกว่าคาด
- ยอดส่งออกเดือนส.ค.ของจีนลดลง -8.8% ดีกว่าคาดว่าจะหดตัว -9.5% ตัวเลขเศรษฐกิจจีนคาดว่ายังต้องใช้ระยะเวลากว่าที่จะเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในหลายๆภาคส่วนอย่างมีเสถียรภาพ เพราะการใช้นโยบายของทางการจีนต้องใช้ระยะเวลากว่าจะเห็นผลต่อเศรษฐกิจ
- TENCENT เปิดตัวโมเดล AI สำหรับธุรกิจซึ่งครอบคลุมด้านการโฆษณา, ฟินเทค และการประชุมผ่านทางวิดีโอและโซเชียลมีเดีย
- ตลาดผู้บริโภคของอินเดียมีแนวโน้มจะใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี2027 ซึ่งปัจจุบัน อินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก โดยคาดว่า การเติบโตของการใช้จ่ายต่อหัวของภาคครัวเรือนในอินเดียจะแซงหน้าประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ คาดว่าจะโตปีละเกือบ 30% ไปอีกหลายปีและคาดว่าภาคครัวเรือนอินเดียจะมีรายได้หลังหักภาษีรายปีแตะ10,000 ดอลลาร์สหรัฐในปี2027 โดย 1 ใน 3ของประชากรอินเดียมีอายุ20-33 ปี
- SET Index ปิดที่1,550 ยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ รอติดตามแนวโน้มราคาในระยะสั้น
|
|