XAM Daily / 10 Nov 2023


ภาพรวมตลาด

  • US Sell-Off หลังบวกติดกันมา 8-9 วัน (US 10Y Yield ปรับขึ้นมาปิด 4.64%)

แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดว่าวันนี้อยู่ในแดนลบโดยตลาดหุ้นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน เปิดลบ (-)
  • คาดคืนนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐมีโอกาสปิดทรงตัว ฟิวเจอรส์ S&P 500 และ Nasdaq ลบ แต่ฟิวเจอรส์ Dow Jones และ Russell 2000 บวก (8.45 เวลาไทย) คาดเป็นแรงเทขายทำกำไรหลังตลาดปรับตัวบวกมากว่า 8-9 วันทำการ (-) แนะนำนักลงทุนแบ่งลด Positions ในสัปดาห์นี้ ) โดยอังคารหน้ามีประกาศ CPI ถ้าออกมาตามคาดและไม่เห็นสัญญาณการเร่งตัวในเงินเฟ้อภาคบริการองค์ประกอบของ Core CPI คาดตลาดอาจจะบวกต่อได้ (+) รวมถึงประเด็น Government Shut-Down ที่ขยายเวลาไปถึงคืนวันพฤหัสหน้าอาจจะทำให้ตลาดผันผวน (VIX Index พุ่งตัว) ) 
  • XSpring AM แนะนำนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Private Credits สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล (+) จะให้ Risk/Reward ที่ดีกว่า และไม่ต้องกังวล Tail-Risk ระหว่างที่ลงทุน )

Daily Focus

  • US 10Y Yield ปรับตัวขึ้นมาที่ 4.64% คุณเจอโรม พาวเวลแสดงความคิดเห็นโดยพยายามจัดการความคาดหวังของนักลงทุนว่าเฟดให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อและเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามตลาดไม่ได้มองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกโดยความคาดหวัง Terminal Rates อยู่ใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน แต่ตลาดมองว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกช้าลง เช่น จาก Q2 2023 ไป Q3 2023 จนกว่าตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในช่วง 1-2 สัปดาห์หน้าจะออกมามากกว่าคาดมาก (Positive Surprise) ตลาดถึงจะ Priced-In โอกาสขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้น และ US 10Y Yield ก็อาจกลับมาเร่งตัวอีก แต่กลับกันหากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแบบผสมผสาน (Mixed) ตลาดก็ไม่จำเป็นต้องตอบรับว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก ) การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำคาดเล็กน้อยที่ 217,000 ตำแหน่ง (Exp. 218,000) แต่การขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมากกว่าคาดที่ 1.834 ล้านตำแหน่ง (Exp. 1.820) ภาพรวมตัวเลขการจ้างงานไม่ได้กดดันตลาดเพิ่มเติม ) 
  • แบงค์ชาติยุโรป (ECB) และแบงค์ชาติอังกฤษ (BOE) จุดยืนนโยบายการเงินคือการคงดอกเบี้ยและจะยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Path การลดดอกเบี้ยจนกว่าจะจำเป็น (+) ส่วน Earnings Momentum ระยะสั้น 2 วันทำการที่ผ่านมาออกมาดี (+) เพราะหุ้นที่งบดีประกาศออกมาช่วงท้ายๆของการประกาศงบในรอบนี้ ทำให้หุ้นยุโรปโมเมนตัมราคาดูดีกว่าสหรัฐในระยะสั้น (+) 
  • Honda และ Nissan กำไรมากกว่าคาดมาก (+) ด้าน Sony กำไรต่ำคาด (-) รวมถึงกองทุน Visions Fund กำไรยังต่ำคาด ส่วนที่ลงทุนใน WeWork ขาดทุนหลัง WeWork ล้มละลาย (-) ด้านดัชนีสำรวจเศรษฐกิจญี่ปุ่น Eco Watchers เดือน ต.ค. ออกมาต่ำคาดที่ 49.5 (Exp. 50.1) ด้าน Eco Watchers Outlook อ่อนตัวลงมาที่ 48.4 จากเดือนก.ย. ที่ 49.5 (-) ด้าน Money Supply M2 ขยายตัวตามคาด ) เศรษฐกิจญี่ปุ่นเห็นทิศทางการชะลอตัวลงแต่โดยรวมยังอยู่ในระดับที่ไม่ได้น่ากังวล ทำให้หุ้นญี่ปุ่นยังสามารถลงทุนได้ โดยซื้อเมื่อย่อและขายยามตลาด (Risk-On) เพราะ Earnings Momentum, Fund-Flow และนโยบายการเงินยังสนับสนุน (Real Rates ติดลบ ทำให้หุ้นยังน่าสนใจโดยเปรียบเทียบกับตราสารหนี้) (+)
  • ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนและประธานาธิบดีโจ ไบเดนสหรัฐจะมีการพบปะกันที่ซานฟรานซิสโกในสัปดาห์หน้า ครั้งแรกในรอบประมาณ 1 ปี (+) ด้านนายกสิงคโปร์ให้ความเห็นว่ายังไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จีนจะเพิ่มความรุนแรงทางการทหารต่อไต้หวันในเร็วๆนี้ ) ด้านเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊าของจีนปิดดีลลงทุนกว่า 2.2 ล้านล้านหยวน ลงทุนในแหล่งผลิตไฟฟ้ารุ่นใหม่ พลังงานหมุนเวียน วัสดุขั้นสูง ปิโตรเคมีที่โรงงานผ่านมาตรฐานพลังงานสะอาด และ AI Technology คาดสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของจีนและภูมิภาคในระยะยาว (+) ด้านตลาดหลักทรัพย์จีนให้คำมั่นว่าจะขยายการเปิดกว้างทางการเงินในระดับสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้มากขึ้น (+) ด้านแบงค์ชาติจีนย้ำจะรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ (+) 
  • การท่องเที่ยวของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 จะขยายตัวแตะ 35 ล้านคน หรือฟื้นตัว 88% เมื่อเทียบกับปี 2019 (Pre-Covid) และคาดรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2025 จะไปที่เกือบ 3 ล้านล้านบาท โดยรายได้จะมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 2 ล้านล้านบาท (+) ด้านกลต. ยังไม่แบนการ Short-Sell มองต้องการให้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยก.ล.ต.มองว่าจุดแข็งตลาดทุนไทยคือการที่มีบริษัทจดทะเบียนที่ทำเรื่อง ESG ค่อนข้างมาก มีระบบ CG ในระดับสูง น่าจะดึงดูดต่างชาติที่สนใจเรื่อง Green และธรรมาภิบาล ได้ในระยะยาว ซึ่ง ก.ล.ต.จะยกระดับเรื่อง One-Report เพื่อดึงดูด Green Investor ให้ได้ (+) 

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter