XAM Daily 27 Oct 2023


แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดวันนี้อยู่ในโซนบวก โดยดัชนี NIKKEI 225 เปิดลบ +0.9%  (9.10 เวลาไทย) ยีลด์สหรัฐอ่อนตัวลงจาก 5% มาที่ 4.85% เมื่อคืนวันจันทร์ และลงมาที่ 4.82% เมื่อคืนวันอังคาร ก่อนจะเร่งกลับมา 4.95% เมื่อคืนวันพุธ และย่อตัวลงมา 4.85% คืนวันพฤหัส (ตลาดขึ้นลงตาม Yield) สงครามยังไม่มีปัจจัยเร่งเพิ่มเติมหนึ่งอาทิตย์มานี้ ) ในขณะที่ US Stock เริ่มเกิด Style Rotation หลังคาดการณ์การเติบโตใน Growth Engines Parts ของหุ้น Large-Cap Growth เริ่มผิดหวัง (-)
  • XSpring AM มองเห็นโมเมนตั้มเชิงบวกจากหุ้น Russell 2000 (เมื่อคืนนี้) โดยที่ราคา Priced-In ปัจจัยลบไปเยอะมาก ทั้งๆที่เศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง ซึ่งที่จริง ตอนที่เศรษฐกิจยังดี หุ้นกลางเล็ก Expected Upside จะมากกว่าหุ้นใหญ่ (+) แต่แรงกดดันตลาดให้ Risk-Off ช่วงนี้จะมาจาก 1.) ยีลด์พันธบัตรเร่งตัว (-) 2.) สงครามที่ยังคุกกรุ่นมากขึ้น (-) ทำให้ตลาดยังแกว่งในกรอบ Sideway แทนที่จะฟื้นตัวตามผลประกอบการที่ออกมาดี ) หากกังวลให้จัดสรรการลงทุนแบบตั้งรับ เพิ่มทางเลือกการลงทุนในกลุ่ม Alternative Investment เช่น Private Asset และ Hedge Fund สำหรับนักลงทุนรายใหญ่ ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล (+)

Daily Focus

  •  US GDP Q3 Annualized ขยายตัวมากกว่าคาดที่ 4.9% (Exp. 4.2%) คำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ก.ย. มากกว่าคาดที่ 4.7% (Exp. 1.5%) Core PCE (QoQ)(Q3) ต่ำคาดเล็กน้อยที่ 2.4% (Exp. 2.5%) ด้านการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้วออกมาที่ 210,000 ตำแหน่ง (Exp. 208,000) สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งกว่าคาดอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดงานเริ่มลดแรงกดดันลง (+) ในขณะที่ตลาดยัง Risk-Off ปัจจัยหลักจาก US 10Y Yield ที่เร่งตัวสูงขึ้น (-) กดดันความคาดหวังว่าดอกเบี้ยจะสูงไปอีกนาน (Higher For Longer) (-) มองว่าแรงขายในหุ้น Large-Cap Growth สหรัฐเป็นการเกิด Style Rotation ไปหุ้นกลุ่มที่ถูกกว่าโดยเปรียบเทียบ แต่ปัจจัยเรื่องกำไรต่อหุ้น นอกจาก Tesla ทั้ง Microsoft, Alphabet, META และ Amazon ก็กำไรดีกว่าคาด (+) แต่ตลาดขายเนื่องจากบางส่วนของงบ เช่น Parts Cloud ของ Alphabet กับ Amazon รวมถึง Parts Reality Labs  ของ META การเติบโตผิดหวัง มองว่าไปกระทบ Long Term Earnings Expectation แล้วทำให้กระทบ PEG Valuation ตลาดจึงหาเหตุเทขายทำกำไรช่วงตลาด Risk-Off (-) ในขณะที่ Merck & Co. (Healthcare Defensive) ที่งบดีและก็บวกได้ จากการที่เกิด Style Rotation ไป Defensive-Play มากกว่าในระยะสั้น (+) 
  • แบงค์ชาติยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4% Mercedes-Benz และ Volvo กำไรต่ำคาด (-) กดดันเซ็นติเมนต์หุ้นผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป ด้านหุ้นธุรกิจ Clean Energy อย่าง Siemens Energy ลบแรงกว่า -35% จากปัญหาสะสมขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจพลังงานลมกดดันเซ็นติเมนต์ธุรกิจพลังงานสะอาดคาดต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาได้ (-) 
  • เงินเฟ้อไม่รวมอาหารของญี่ปุ่นออกมามากกว่าคาดที่ 2.7% (Exp. 2.5%) ด้านเงินเฟ้อไม่รวมอาหารและพลังงานลดลงจากเดือนก่อนจาก 3.9% มาที่ 3.8% ปัจจัยที่กดดันเซ็นติเมนต์หุ้นญี่ปุ่นในระยะสั้นจาก Global Sentiment Risk-Off ส่วนการที่เงินเฟ้อสูงขึ้น และเยนอ่อนค่าทำให้ตลาดยังระมัดระวังว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะเริ่มถอดคันเร่งดอดเบี้ยติดลบเร็วขึ้นหรือไม่ (-) แต่ภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังดูดีโดยเปรียบเทียบกับยุโรปแม้ไม่ขยายตัวแรงเท่าสหรัฐ (+) 
  • คณะกรรมการ NPC จีน เตรียมออกพันธบัตร 1 ล้านหยวน เพื่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ำในพื้นที่เขตเมือง มองการกระตุ้นการลงทุนดังกล่าวจะสนับสนุนการจ้างงาน ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ และความสามารถในการแข่งขันในระยะกลางยาว (+) ถือเป็นหนึ่งใน Catalyst เชิงบวกต่อตลาดทุนจีน (+) หากนักลงทุนที่มองว่าการถือลงทุนจีนเป็นค่าเสียโอกาสไปเรื่อยๆ อยากให้รอจังหวะลดสัดส่วนการลงทุน (-) มองว่า Big-Shot ที่จะทำให้หุ้นจีนกลับมา Outperformed อาจจะต้องรอกลางปีหน้า จังหวะที่จีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศเดียวที่ Economic Positive Surprise ในขณะที่ประเทศใหญ่ประเทศอื่น อย่าง สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เริ่ม Negative Surprise แต่ถ้ายังไม่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้จีนกลับมาน่าสนใจโดยเปรียบเทียบ ยากที่จีนจะขึ้นเร็วแรงเหมือนช่วงเดือน พ.ย. 22- ม.ค. 23 ที่ผ่านมา ) 
  • ตลาดหุ้นไทย สัดส่วน Foreign Holding ต้นปี 2023 อยู่ที่ 29.98% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 29.31% ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ) แต่ในส่วนของ Fund Flow ระยะสั้นปี 2022 หุ้นไทยมี Fund-Inflow จากต่างชาติถึง 2 แสนล้าน ในขณะที่ YTD ปี 2023 Fund-Outflow ไปแล้วกว่า 1.78 แสนล้าน (ส่วนมากเป็น Hot Money) สะท้อนว่านักลงทุนที่ถือลงทุนระยะยาวไม่ได้ออกจากไทย ไม่ได้มีประเด็นกดดันอะไรจากปัจจัยพื้นฐาน แต่ระยะสั้นความน่าสนใจโดยเปรียบเทียบน้อยกว่าบางชาติใน EM เช่น อินเดีย, อินโดนีเซีย ในขณะที่ Forward PE ไทย สูงกว่า Peers ทำให้ Downside เยอะกว่า (-) โดยกรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไทยยังมองไม่เห็นปัญหาที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่ทำให้ต้องกังวลและออกจากการลงทุนในตลาดทุนไทย ) 

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter