Things you need to know
- 1. “หุ้นสหรัฐฯ ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดทำ All Time High ติดต่อกันวันที่สอง” ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,466.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.82 จุด หรือ +0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,713.14 จุด เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.14% นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดใกล้จะเข้าสู่วัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ 100% ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย. หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากสื่อรายงานว่าแอปเปิ้ลกำลังวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และ Smart Home
- 2. “Perplexity AI ยื่นข้อเสนอ 34.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Google Chrome” ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นท่ามกลางคดีต่อต้านการผูกขาดที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกาอาจบังคับให้ Alphabet ขาย Chrome ซึ่ง Google โต้แย้งว่าจะทำให้ Chrome เสื่อมคุณภาพและไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของ Perplexity ถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์กดดันศาลและหักล้างข้ออ้างของ Google โดยแสดงว่ามีผู้สนใจซื้อและพัฒนาต่อได้จริง เป้าหมายของ Perplexity คือใช้ฐานผู้ใช้ Chrome กว่า 3.5 พันล้านคนผลักดันให้หันมาใช้บริการ AI แบบสมัครสมาชิก ซึ่งหากศาลยอมรับ อาจเปิดทางให้บริษัท AI อื่น เช่น OpenAI เข้าร่วมประมูลด้วย แต่ก็มีความกังวลว่าการซื้ออาจนำไปสู่การผูกขาด AI แบบใหม่เช่นกัน
- 3. “นายกฯ อินเดียเตรียมเยือนสหรัฐฯ ปลายเดือนกันยายน คาดหารือประเด็นการค้า” หนังสือพิมพ์อินเดียน เอ็กซ์เพรส (Indian Express) รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี เตรียมเดินทางเยือนสหรัฐฯ ในช่วงปลายเดือนก.ย. นี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ณ นครนิวยอร์ก และเพื่อพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า เป็นจุดประสงค์หลักของการเยือนครั้งนี้ ท่ามกลางความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างสองประเทศอันเนื่องมาจากประเด็นการค้าและภาษีศุลกากร ขณะที่ดัชนีหุ้นอินเดีย NIFTY50 ปิดที่ 24,619.35 จุด บวกขึ้นมาเล็กน้อย
- 4. “กนง.มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาที่ 1.50% มีผลทันที” ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือนก.พ. และเม.ย.68 คาดเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ อย่างไรก็ดี มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเศรษฐกิจบางภาคส่วนมีความเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทาน และยังต้องติดตามการขยายตัวของสินเชื่อและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ซึ่งอาจมีนัยต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
|
|