XAM Daily / 14 Nov 2023




ภาพรวมตลาด

  • US ลบอ่อนๆก่อนประกาศ CPI 

แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดว่าวันนี้อยู่ในแดนบวกโดยตลาดหุ้นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน เปิดบวก (+) XSpring AM มองว่าจะมี Fund-Inflow เข้า EM มากขึ้นหากเงินเฟ้อ CPI สหรัฐต่ำคาด (+) หุ้นไทยยัง Underperformed มองกองทุนหุ้น Alpha Fund และหุ้นปันผลที่ราคาต่ำกว่ามูลค่า (มี Margin of Safety) ถึงน่าสนใจ (+) 
  • คาดคืนนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐมีโอกาสปิดผันผวนขึ้นกับเงินเฟ้อ CPI ถ้ามากกว่าคาดตลาดลบ ถ้าตามคาดตลาดบวกอ่อนๆ (+) 
  • XSpring AM แนะนำนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Private Credits สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล (+) จะให้ Risk/Reward ที่ดีกว่า และไม่ต้องกังวล Tail-Risk ระหว่างที่ลงทุน )

Daily Focus

  • US 10Y Yield อยู่ที่ 4.648% ไม่เปลี่ยนแปลงมากจากสองวันก่อน ) Fed Watch Tool สะท้อนนักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยที่เรนจ์ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. 23 ซึ่งหากเงินเฟ้อ CPI เดือน ต.ค. เทียบรายเดือนออกมามากกว่า 0.1% และ Core CPI มากกว่า 0.3% คาดว่า US 10Y Yield จะพุ่งไปที่ 4.8% แต่ในทางตรงกันข้ามหาก CPI ออกมาตามคาด US 10Y Yield มีโอกาสอ่อนตัวลงไปที่ 4.5% และหาก CPI ออกมาต่ำคาด US 10Y Yield อาจอ่อนตัวลงไปแตะ 4.3-4.4% ในคืนนี้ ซึ่งหาก Yield อ่อนตัวลง XSpring AM มองว่า US Growth Stock ยัง Rebound ต่อได้อีก 1-2 สัปดาห์ (+) ก่อนที่จะเริ่มแกว่ง Sideway แล้วไปเคลื่อนไหวตาม Catalyst ในตลาดในอนาคต ) Dow Jones Outperformed เมื่อคืนนี้จากปัจจัยเฉพาะตัวคำสั่งซื้อเครื่องบิน Boeing จากจีน (+) มองว่าหุ้นที่ Earnings Momentum Q2-Q3 ดีจะยังน่าลุ้นในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงสิ้นปีมากกว่า (+) มองภาพใหญ่ตลาดจะเป็น Sideway เพราะฉะนั้นนักลงต้องลดสัดส่วนเมื่อติดลบลดลง หรือกำไรในก้อนที่สะสมเข้าไปใหม่ แล้วลดสัดส่วนต้นทุนก้อนหลังออกมาก่อน (Last In First Out : LIFO) ) 
  • หุ้นยุโรปปิดบวก โดยหุ้นกลุ่ม Healthcare, Bank และ Energy ปรับขึ้นจากปัจจัยเฉพาะตัว XSpring AM มองว่ายุโรปปัญหาเงินเฟ้อน่ากังวลลดลงแล้ว คาดแบงค์ชาติยุโรป, อังกฤษ และธนาคารกลางประเทศยุโรปอื่นๆ มาถึงปลายทางการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว (Terminal Rates) แต่ยังไม่พูดถึงการลดดอกเบี้ยในอนาคต (คาดลดดอกเบี้ยกลางปี 2024) ด้านตัวเลขเศรษฐกิจต้องรอติดตามโมเมนตัมการชะลอตัวหากเป็น Mild Recession ก็จะใกล้น่าลงทุนในระยะถัดไป (+) 
  • คำสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่นลดลง -20.6% เทียบรายปีในเดือน ต.ค. ลดลงจากเดือน ก.ย. ที่ -11.2% สอดคล้องไปกับทิศทางภาคการผลิตทั่วโลกที่ชะลอตัวลง โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของญี่ปุ่น (-) ด้านเงินเฟ้อภาคค้าส่งญี่ปุ่นชะลอตัวลงเนื่องจากวัตถุดิบการผลิตทั้งไม้ เคมีภัณฑ์ และเหล็กกล้า ราคาชะลอตัวลงสอดคล้องไปกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลดลงทั่วโลก XSpring AM มองช่วยลดผลกระทบเงินเฟ้อฝั่งต้นทุน (-) มองว่าหุ้นญี่ปุ่นตราบเท่าที่ Real Rates ยังต่ำเทียบประเทศใหญ่ในโลก, Fund-Inflow ยังไหลเข้าลงทุน รวมถึงยังเห็น FDI ทั้งลงทุนตรงอสังหาญี่ปุ่นและ Semiconductor มองว่าหุ้นญี่ปุ่นยังสามารถซื้อที่กรอบล่างของเทรนด์และขายที่กรอบบนของเทรนด์ (ซื้อเมื่อย่อและขายเมื่อบวกเร็วแรงในระยะสั้น) (+) 
  • ยอดสินเชื่อใหม่จีนเดือน ต.ค. ขยายตัวมากกว่าคาดที่ 738,400 ล้านหยวน (Exp. 650,000) (+) ด้านการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบ (M2) เทียบรายปีในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดที่ 10.3% (Exp 10.4%) ตลาดหุ้นจีนปิดบวกวันจันทร์และเปิดบวกในวันอังคาร รอติดตาม Fund-Flow ที่จะเข้า/ออกจากหุ้น EM โดยดูผล US CPI คืนนี้ และติดตามการประชุมนอกรอบ APEC ระหว่างสีจิ้นผิง-โจ ไบเดน คืนวันพุธที่ 15 
  • รมว.อุตสาหกรรมไทยมองภาพรวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก (+) จากการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชนในเกือบทุกหมวดสินค้า การจ้างงานดีขึ้น รวมทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นมาก อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค อุตสาหกรรมแฟชั่น โดดเด่นเป็นพิเศษ (+) ในอนาคตจะส่งเสริม 6 ด้านสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น EV Supply Chain 2. ผลักดันไทยเป็น Halal Hub 3. อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 4. Digitalization (ปรับปรุงฐานข้อมูลภาคอุตสาหกรรมให้เป็นระบบ) 5. สนับสนุน SMEs ทั้งความรู้ และแหล่งทุน 6. ยกระดับการบริหารจัดการน้ำ (+) ด้านตลาดทุนไทยมองว่าประเด็นร้อนเรื่อง Short-Sell ยังกดดันความเชื่อมั่นรายย่อยไทยอยู่ (-) ซึ่งหากแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าวลดลง คาดว่าหุ้นไทยมีโอกาสเด้งไปเทรดที่ 1,400 ต้นๆได้ (+) แนะนำกองทุน High Alpha Fund เพราะหลังจากนี้หุ้นไทยที่จะทำผลตอบแทนได้คือหุ้น Super Stock ซึ่งมีไม่ถึง 5% ของตลาด และหุ้นวัฏจักร (Cyclical) ซื้อเมื่อราคาอยู่ในโซนต่ำของ Business Cycle ในแต่ละอุตสาหกรรม (+) 

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter