Things you need to know
- 1. “หุ้นจีนร่วงลงแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2020 หลังทางการจีนไม่มีมาตรการใหม่” เมื่อวานนี้ดัชนี CSI 300 ของจีนร่วงลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยปิดตลาดลดลง -7.05% ภายในวันเดียว ไปอยู่ที่ 3,955.98 จุด ส่วนดัชนี Hang Seng China Enterprise Index (HSCEI) ที่รวบรวมหุ้นจีนจดทะเบียนในตลาดฮ่องกง ร่วงลง -1.6% เหลือ 7,365.59 จุด สาเหตุสำคัญมาจากตลาดผิดหวังที่รัฐบาลจีนไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องหลังจากช่วงเทศกาลวันชาติจีน ผลที่ตามมาคือการเทขายหุ้นออก ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีนมีกำหนดแถลงข่าวในเช้าวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคมนี้ เวลา 9 โมงเช้าตามเวลาไทย เพื่อประกาศมาตรการด้านการคลังเพิ่มเติม
- 2. “หุ้นสหรัฐฯ ยังไปต่อ ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง” โดยดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 5,792.04 จุด เพิ่มขึ้น +0.71% ทำจุดทำสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งหนึ่ง นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเช่นเคย ปัจจัยสำคัญคือตลาดคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่จะออกในคืนนี้ จะลดลง โดยคาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 0.1% MoM/2.3% YoY ในเดือนกันยายน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ช่วงปี 2021 และเงินเฟ้อที่แท้จริงที่ตัดราคาพลังงานและอาหารออก อยู่ที่ 0.2% MoM/3.2% YoY สำหรับเดือนกันยายน
- 3. “บันทึกการประชุม FOMC เผย Powell อาจไม่สามารถลดดอกเบี้ยลง 0.50% ได้ เพราะกรรมการหลายคนค้าน” เมื่อคืนนี้มีการเปิดเผยบันทึกการประชุม FOMC (เทียบเท่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลาง) ในเดือนกันยายน เผยให้เห็นว่าแนวโน้มการลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% อาจเป็นไปได้ยากหลังจากนี้ เนื่องจากกรรมการหลายคนไม่เห็นด้วยกับ Jerome Powell ประธาน FED ที่ขอให้ลดดอกเบี้ย 0.50% แต่ยอมในการประชุมในรอบเดือนกันยายน และจะติดตามตัวเลขการจ้างงานเพิ่มเติม
- 4. “Bloomberg ระบุ BlackRock เตรียมซื้อบริษัทด้าน Private Credit หวังดันตัวเองขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่” โดยบริษัทดังกล่าวที่ถูกระบุคือ HPS Investment Partners ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำสินเชื่อนอกตลาด (Private Credit) โดยมีมูลค่าทรัพย์สินในการบริหารสูงถึง 9.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ถือเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจาก Ares และ Goldman Sachs ทั้งนี้ BlackRock เพิ่งเสร็จสิ้นการซื้อกิจการ Global Infrastructure Partners (GIP) บริษัทบริหารกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอันดับ 3 ของโลกไปเมื่อต้นเดือน
- 5. “ราคาน้ำมันยังนิ่ง ตลาดยังจับตาสงครามตะวันออกกลาง” โดยราคาน้ำมันตลาด WTI ของสหรัฐฯ ซื้อขายที่ราว 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Brent ของอังกฤษอยู่ระดับต่ำกว่า 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากลดลงมาสองวันติด เนื่องจากตัวเลขน้ำมันดิบในคลังของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผิดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน โดยยังจับตาสงครามในตะวันออกกลางที่เป็นปัจจัยระยะสั้นอยู่
|
|