XAM Daily 03 Nov 2023


ภาพรวมตลาด

Rebound 4 คืนติดกัน (แต่ After Hours Apple และ US Futures เป็นลบ)

Daily Focus

  • การขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์มากกว่าคาดที่ 217,000 ตำแหน่ง (Exp. 210,000) ด้าน Unit Labor Costs ออกมาต่ำคาดที่ -0.8 (Exp. 0.7) ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่ม Negative Surprise ในสัปดาห์นี้ลดแรงกดดันความคาดหวังดอกเบี้ย (+) ทำให้ US 10Y Yield อ่อนตัวลงมาที่ 4.66% (+) ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมา Risk-On (+) หุ้น Starbuck บวกแรงรับกำไรต่อหุ้นที่ดีกว่าคาดมาก รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีชิปคุณภาพสูงอย่าง Qualcomm ที่กำไรดีกว่าคาดมากเช่นกัน (+) ด้าน PayPal มีการ Revised-Up คาดการณ์กำไรในอนาคต สนับสนุนตลาดตอบรับเชิงบวก ส่วนหุ้น Apple บวกก่อนเผยผลประกอบการแต่ล่าสุดราคา After Hours -3.4% เนื่องจากแม้กำไรต่อหุ้นดีกว่าคาด แต่รายได้ชะลอตัวลงหลายไตรมาสติด ซึ่งตลาดจะต้องลด PE หุ้น Apple ลงในที่สุด (Multiple Contraction) โดยหุ้น Apple คิดเป็นกว่า 1 ใน 5 ของ S&P 500 Technology Sector (กอง ES-TECH จะโดนผลกระทบ) (-)
  • ธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% เช่นเดียวกับธนาคารกลางนอร์เวย์ที่คงดอกเบี้ย หุ้น Ferrari ปรับตัวบวกแรงหลัง Revised-Up คาดการณ์กำไรปีนี้ โดยจุดสังเกตุของกลุ่ม Luxury Brand คือกลุ่ม Super-Luxury แบบ Hermes และ Ferrari แนวโน้มผลประกอบการดูดีกว่ากลุ่ม LVMH และ Kering ที่โดนผลกระทบจากกำลังซื้อกลุ่ม Mass Affluent มากกว่า ) หุ้นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ Shell กำไรดีกว่าคาด (Valuation บริษัทน้ำมันยุโรปเทรดอยู่ที่ PE ถูกกว่าบริษัทน้ำมันสหรัฐ) ส่วนหุ้น Novo Nordisk ปรับขึ้นแรงหลัง Revised-Up คาดการณ์รายได้มากกว่าเดิม (+) 
  • คุณ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกญี่ปุ่นประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินสูงกว่าที่คาดไว้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหวังเพิ่มรายได้เอกชน และสนับสนุนเงินเฟ้อระดับอ่อนๆในระยะยาวโดยอ้อม (+) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ จะเป็นการปรับลดภาษีให้กับประชาชนคนละ 40,000 เยน และให้เงิน 70,000 เยนกับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ ภาพรวมหลายประเทศในโลกต้องกลับมาดูแลกลุ่มฐานรายได้น้อยในประเทศซึ่งจะต่างกับช่วงวิกฤติ 2008 ในสหรัฐที่เน้นแต่นโยบายการเงิน จึงดีแต่กับคนที่มีเงินลงทุนใน Financial Asset (จากนโยบายเน้นดูแล Wallstreet สู่นโยบายที่กลับมาช่วยเหลือ Mainstreet) (+)
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ Caixin PMI จีนขยายตัวมากกว่าเดือนก่อนที่ 50.4 จาก 50.2 ในเดือน ก.ย. (+) ทางการจีนยังคงสนับสนุนความเข็มแข็งของจีนในระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนกับ Hard Technology และนวัตกรรมขั้นสูง รวมถึงดึงคนเก่งกลับมาพัฒนาประเทศ เน้นการพึ่งพาตัวเองในระยะยาว ซึ่งมองว่าหากจีนสะสางปัญหาเรื่องปริมาณหนี้ภาคเอกชน ปัญหาภาคอสังหา ส่งเสริมการท่องเที่ยวในระยะยาว สร้างเมืองอัจฉริยะ รวมถึงความมั่นคงทางพลังงานและลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานพลังงานสะอาด ในอีก 5-15 ปี จีนก็จะยังเป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก แต่แน่นอนว่ากว่าที่ผลตอบแทนหุ้นจีนจะกลับมาก็ยังต้องใช้เวลา ) 
  • สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาไทยสะสมช่วงวันที่  1 ม.ค.-29 ต.ค. 2023 (10 เดือน) 22,064,968 คน อันดับหนึ่งมาเลเซีย รองลงมา ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวช่วงปลายปีจะเพิ่มขึ้น จากมาตรการ Visa Free ของรัฐบาล (+) ด้านนโยบายที่เป็น Quick wins รัฐบาลได้ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ระงับหนี้ชั่วคราวเกษตรกร และอยู่ในขั้นตอนพักหนี้ให้ SMEs ) ส่วนสำหรับมาตรการระยะกลางและระยะยาว รัฐบาลวางแผนการทูตทางเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อเปิดประตูสู่ตลาดใหม่สำหรับสินค้าและบริการของไทย รวมถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศ รวมถึงเพิ่มความสะดวกในการทำธุรกิจ และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงโครงการ Land bridge เพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (+) รัฐบาลมีเป้าหมายเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรไทย 3 เท่า ภายใน 4 ปีข้างหน้า (+) 

แนวโน้มตลาดวันนี้

  • แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียคาดวันนี้บวกต่อ โดยทั้งตลาดออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และฮ่องกง บวกสดใส (+) โดยดัชนี NIKKEI 225 บวก +1.1%  (9.05 เวลาไทย) Hang Seng Index มีแรงซื้อตาม Global Sentiment Risk-On (ระยะสั้น) ด้าน Caixin PMI จีนภาคบริการขยายตัวจากเดือนก่อนในวันนี้ (+)
  • คาดคืนนี้ดัชนีหุ้นสหรัฐมีโอกาสปิดทรงตัวจากการ Priced-In งบ Apple ที่รายได้หดตัวหลายไตรมาส แต่คาดว่าปัจจัยบวกจะกลบปัจจัยลบ สำหรับบางกองทุนที่เลือกหุ้นที่ดี เช่น TMB-ES-GCG และ K-GTECH เนื่องจาก Fed Less Hawkish ทำให้ US Bond Yield อ่อนตัวลง เป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนตลาดใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า (+) 
  • XSpring AM แนะนำนักลงทุนเพิ่มการลงทุนในส่วนของ Private Credits สำหรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษ (UI) ส่วนการลงทุนในกองทุนหุ้นให้อยู่ในหุ้นที่เป็น Quality & Growth ที่ Valuation สมเหตุสมผล (+) จะให้ Risk/Reward ที่ดีกว่า และไม่ต้องกังวล Tail-Risk ระหว่างที่ลงทุน )

กลยุทธ์การลงทุน

  • Overweight หุ้น Large-Cap Growth สหรัฐ (Ex Tesla, NVIDIA) มีโอกาสสะสมลงทุนในระยะสั้นหลังราคาปรับตัวลงมาในช่วงก่อนหน้านี้
  • Overweight หุ้นไทย Mid-Small Cap Stock มีโอกาสสำหรับกองทุนที่เลือกหุ้น Super Stock คาดโมเมนตั้มกำไร Q3 2023 ยังน่าจะดี และคาดธุรกิจที่เกี่ยวกับภาคบริการยังเติบโตดี นอกจากนี้ยังชองกองไทย Healthcare มองว่ายังเป็นภาคส่วนที่เป็น Growth Engine สำคัญของไทย
  • Overweight Japan Value Stock
  • Slightly Overweight หุ้นสหรัฐ Small-Cap Growth มีโอกาสฟื้นตัว
  • Slightly Overweight หุ้น Semiconductor ทยอยสะสมลงทุน

คำแนะนำ

  • ASP-NGF, TMBJPNAE หุ้นญี่ปุ่น
  • TMBINDAE, SCBKEQTG อินเดีย & เกาหลีใต้
  • SCBPGF หุ้นโลก Value, UGD หุ้นกลางเล็ก Durable
  • K-GHEALTH หุ้น Healthcare, ONE-HOSPITAL หุ้นไทยและหุ้นโลก Healthcare
  • ABAGS หุ้นขนาดกลางเล็กสหรัฐ Blended Character
  • ASP-SME, ABSM, ASP-T12, M-MIDSMALL, TLMSEQ เป็นกองหุ้นไทย Alpha 
  • TMB-ES-GCG, K-GTECH
  • SCBUSAA รับ 4.5 บาท, KF-US รับ 11.1 บาท, SCBROBOA รับ 13.4 บาท
  • เก็งกำไร M-META ที่ราคา METV ETF 9.5-9.6$ , TMB-ES-GINNO ที่ราคา ARKK ETF 38-39$ และ LHSEMI ที่ราคา SOXX ETF 450-470$

XSpring AM

Source: Bloomberg, Reuter