Credit Rating ตัวช่วยคัดกรองสินทรัพย์ก่อนลงทุนหุ้นกู้




Credit Rating ตัวช่วยคัดกรองสินทรัพย์ก่อนลงทุนหุ้นกู้

ก่อนจะลงทุนทุกรูปแบบ เหนือสิ่งอื่นใดคือการศึกษาและพิจารณาความเสี่ยงด้วยปัจจัยต่างๆ การลงทุนในหุ้นกู้ก็เป็นอีกตราสารหนี้ที่มีมูลค่า เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินในการสร้างโอกาสและผลตอบแทน แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนหุ้นกู้ ตัวช่วยอย่าง Credit Rating จึงได้เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะเป็นแนวทางการลงทุนให้กับนักลงทุน มาดูกันดีกว่าว่าจะช่วยพิจารณาได้อย่างไรบ้าง

Credit Rating บอกอะไร?

Credit Rating คือ อันดับความน่าเชื่อถือในการประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ ซึ่งออกโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ในประเทศไทยมีบริษัทจัดอันดับ คือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด และ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด  จุดมุ่งหมายในการจัดอันดับเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการผิดนัดชําระหนี้ ซึ่งอาจนําไปสู่สภาพคล่องทางการเงินของผู้ออกหุ้นกู้ ดังนั้น การจัดอันดับเครดิตจึงกลายมาเป็นบรรทัดฐานที่ให้นักลงทุนศึกษาและเป็นแนวทางก่อนลงทุน 

อันดับความน่าเชื่อถือ Credit Rating ของตราสารหนี้

โดยกําหนดการให้คะแนนเป็นเกรดตัวอักษร โดยทั่วไปการจัดอันดับ AAA เป็นอันดับเครดิตสูงสุดที่เป็นไปได้ในขณะที่การจัดอันดับ C หรือ D คือต่ำที่สุด 

1.Investment Grade 

เป็นหุ้นกู้กลุ่มน่าลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือ โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ AAA คืออันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด AA+ AA AA- A+ A A- BBB+ BBB ไปจนถึง BBB- เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำถึงปานกลาง

2.Non-Investment Grade 

เป็นหุ้นกู้กลุ่มลงทุนเพื่อเก็งกำไร มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่ากลุ่ม Investment Grade จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่าเช่นกัน โดยมีอันดับเครดิตตั้งแต่ BB+ ลงมา เรียงจาก BB+ BB BB- B+ B B- CCC+ CCC CC C โดย C มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข และต่ำสุดคือ D เป็นหุ้นกู้ที่อยู่ในสถานะผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามเงื่อนไข

3. Unrated Bond

เป็นหุ้นกู้กลุ่มที่ไม่มีการจัดอันดับเครดิต เพราะเป็นหุ้นกู้ที่ไม่ได้ส่งจัดอันดับ หรือเป็นอีกหุ้นกู้ที่ขอให้จัดอันดับแล้วแต่ไม่ได้รับการพิจารณา หุ้นกู้กลุ่มนี้มักจ่ายดอกเบี้ยให้สูงกว่ากลุ่มอื่น แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงที่สูงและยังมีแนวโน้ม Rating Outlook ซึ่งเป็นอีกแนวโน้มการจัดอันดับความน่าเชื่อถือช่วยบอกได้ว่าบริษัทนั้นมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยวิเคราะห์จากบริษัทที่ออกหุ้นกู้ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวม สามารถแบ่งได้เป็น 4 ระดับ

  • Credit Rating Positive = แนวโน้มอาจปรับขึ้น
  • Credit Rating Stable = แนวโน้มอาจไม่เปลี่ยนแปลง
  • Credit Rating Negative = แนวโน้มอาจปรับลง
  • Credit Rating Developing = แนวโน้มอาจปรับในทิศทางใดก็ได้

อย่างไรก็ตาม Credit Rating เป็นแค่เครื่องมือพิจารณาบริษัทที่ออกหุ้นกู้ว่าว่ามีโอกาสหรือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้มากน้อยเพียงใด เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนลงทุน แต่สถานะของหุ้นกู้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะเศรษฐกิจและพื้นฐานของบริษัท นักลงทุนควรศึกษาและพิจารณาก่อนเลือกลงทุนในหุ้นกู้ที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้